วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ข่าวอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น

15/09/52
ส่งออกอัญมณี 7 เดือนโต 25%

Posted on Tuesday, September 15, 2009
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมมีมูลค่า 170,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ทำให้มั่นใจได้ว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 240,000-230,000 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าคาดว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นจากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10%

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟิ้นตัวทำให้คำสั่งซื้อของต่างชาติเริ่มเข้ามา ประกอบการรัฐบาลได้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับพลอยก้อนซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการได้

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของโลก โดยรัฐบาลได้กำหนดแนวทางช่วยผู้ประกอบการ 3 ด้านประกอบด้วย //การจัดตั้งธนาคารอัญมณี หรือ เจมแบงก์ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 2 สัปดาห์หน้า // การเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ //รวมทั้งการร่วมมือกับประเทศแหล่งวัตถุดิบต้นน้ำและปลายน้ำ เช่น มาดากัสกา เคนยา เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบการในการผลิตเครื่องประดับของไทยในอนาคต

นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร บางกอกเจม แอนด์ จิวเวอร์รี่แฟร์ บอกว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเว้น VAT การนำเข้าวัตถุดิบอัญมณี เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้เร็วกว่ากำหนดไว้ภายใน 5 ปีหน้าข้างอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางการผลิตพลอยสีของโลก

ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบถึง 25-30%

นายสมชายบอกด้วยว่า การออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ของรัฐบาลเพื่อดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงฯ อาจจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนอัญมณีของนักลงทุนต่างชาติบ้าง แต่หากมีการประกาศใช้บ่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชินไปเอง

money channel
stock in focus
***********
02/09/52
ธุรกิจอัญมณีมั่นใจปีนี้โต 10% ตามเป้า

Posted on Wednesday, September 02, 2009
นายวิชัย อัศรัสกร นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ มั่นใจว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับปีนี้ จะมีมูลค่าการส่งออกถึง 300,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถส่งออกได้แล้วถึง 197,000 ล้านบาท จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อจากประเทศต่างๆ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

แต่ทั้งนี้ หากไม่รวมการส่งออกทองคำ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของการส่งออกอัญมณี และเครื่องประดับ อาจทำให้การส่งออกของอุตสาหกรรมนี้ ติดลบประมาณ 10% แต่ถือว่าดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ติดลบถึง 30%

นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทย และเครื่องประดับ บอกอีกว่า อุตสาหกรรมพลอยยังคงมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เป็นเอสเอ็มอี จึงเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก และมีปัญหาการทำการตลาด ดังนั้นจึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยดูแล ส่วนการเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ น่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปีหน้าปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก
moneyline news
************
31/08/52
ออเดอร์สิ่งทอกระเตื้อง คาดส่งออกติดลบ 6-7%
สถาบันสิ่งทอเผยออร์เดอร์ดีขึ้น คาดการส่งออกติดลบเป็นเลขตัวเดียว ในขณะที่วีเอฟจะย้ายฐานเข้ามาจัดหาสินค้าไทยส่งแบรนด์ดังทั่วโลกเริ่ม ก.ย.นี้
นายวิรัตน์ ตันเดชานุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันสถาบันสิ่งทอ กล่าวว่า ในขณะนี้การส่งออกสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มเริ่มกลับมาดีขึ้น หลังจากมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ทำให้ผู้ผลิตเครื่องนุ่มห่มเริ่มสั่งออร์เดอร์ทั้งผ้าผืนและเสื้อผ้าจากไทยเพื่อส่งออกมากขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีการส่งออกจะติดลบเป็นตัวเลขตัวเดียว ประมาณ 6-7% จากมูลค่าส่งออกรวมปีที่แล้ว 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ครึ่งแรกของปีนี้ติดลบประมาณ 14% หรือมีมูลค่าส่งออกประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ การที่วีเอฟ คอร์ปอร์เรชั่น ที่ได้ย้ายฐานส่วนหนึ่งจากฮ่องกงมาไทย เริ่มตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.นี้ เพื่อจัดตั้งสำนักงานในการจัดหาวัตถุดิบสิ่งทอ ป้อนแก่แบรนด์ดังทั่วโลกกว่า 100 แบรนด์ เป็นสัญญาณที่ดีว่า ประเทศไทยได้รับความเชื่อถือและมีความสามารถในการผลิตมากขึ้นจนได้รับความไว้วางใจและน่าจะเพิ่มการส่งออกได้มากขึ้นด้วย

กรุงเทพธุรกิจ

************
24/08/52
สิ่งทอวอนช่วยสภาพคล่องแทนภาษี
สิ่งทอส่งออกติง ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบไม่ช่วย แนะ ดูแลสภาพคล่อง-ค่าเงินบาท ด้านสมาคมทอผ้าไทยมั่นใจ ส่งออกฟื้น

นายวัลลภ วิตนากร อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า มาตรการลดภาษี นำเข้าวัตถุดิบที่กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้กระทรวงการคลัง ลดให้ เชื่อว่าไม่เอื้อประโยชน์กับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มมากนัก เพราะปัจจุบันภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่มาผลิตสินค้าต่ำอยู่แล้วเพียง 1-5% เท่านั้น อีกทั้งอุตสาหกรรมเครื่อง นุ่งห่มจะได้รับการลดภาษีเหลือ 0% ภายใต้กรอบการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) และการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน ด้วย
ทั้งนี้ สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือมี 2 ประเด็น คือ การ ลดภาษี ณ ที่จ่ายให้กับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก จาก 3% เป็น 1% ซึ่งกระทรวงการคลังสามารถทำได้อยู่แล้วไม่ติดข้อกฎหมาย

นายวัลลภ กล่าวว่า ส่วนปัญหาสภาพคล่อง แม้รัฐบาลจะพยายามอัดฉีดเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ แต่ผู้ส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ยังติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติการกู้ยืม ซึ่งอยาก ให้ธนาคารของรัฐบาลผ่อนคลายการขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน จากปัจจุบันที่เรียกเก็บ 80-100% ของเงินกู้ ให้เก็บน้อยกว่า 50%

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ทางกระทรวงได้ทำหนังสือไปถึงสมาคมการค้ากว่า 20 สมาคม ว่าต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเรื่องการลดภาษีวัตถุดิบอย่างไรบ้าง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า

ด้านนายสมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์การส่งออกของสิ่งทอตั้งแต่เดือนม.ค.- มิ.ย. 2552 ติดลบไป 10% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบถึง 23% ส่วน ในครึ่งปีหลังนั้น คาดว่าจะดีขึ้นแน่นอน และมั่นใจว่าหากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เกิดผลกระทบ หรือไม่มีเหตุการณ์ทางการเมือง ที่รุนแรงภาพรวมทั้งปีจะติดลบ ไม่เกิน 5%

ทั้งนี้ เหตุที่สถานการณ์ส่งออกสิ่งทอดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไทย มีวัตถุดิบ Cabon Aryon ที่สามารถพัฒนาเป็นใยสังเคราะห์ได้ ซึ่งเป็น ที่ต้องการของต่างประเทศ เช่น ตุรกี และบราซิล หากส่งออกได้ ก็จะช่วยให้ตัวเลขการส่งออกดีขึ้น และเห็นว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการมากกว่านี้
posttoday
stock in focus
*************
08/08/52
เว้นแวต0%ซื้อขายอัญมณียังไม่คึกคัก
ตลาดซื้อขายวัตถุดิบอัญมณี รับครม.ไฟเขียวยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มยังไม่คึกคัก เหตุต้องรอขั้นตอนกฎหมายบังคับใช้อย่างเป็นทางการ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยฯลุ้นประกาศใช้ก่อนงานบางกอกเจมส์ 15-19 ก.ย. หวังเปิดทางสะดวกดึงวัตถุดิบโลกทั่วโลกร่วมโชว์ในงานคึกคัก ขณะที่ส่งออกอัญมณีครึ่งแรกยังโตจากเก็งกำไรส่งออกทองคำ


นายวิชัย อัศรัสกร นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทย และเครื่องประดับ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 ว่ารัฐบาลจะยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)7% เป็นการทั่วไป สำหรับวัตถุดิบอัญมณีนำเข้ามาขายหรือนำมาเพื่อผลิตส่งออก และล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงรวม 3 ฉบับประเภทเพื่อยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับวัตถุดิบอัญมณีนำเข้าประเภทพลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล นิล เพทาย ไพฑูรย์ หยก และอัญมณีที่มีลักษณะทำนองเดียวกันเฉพาะที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับของโลก ซึ่งจะได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และประกาศลงในพระราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป


จากการที่กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้จริงในทางปฏิบัติดังกล่าว ทำให้เวลานี้การนำเข้าวัตถุดิบอัญมณีเข้ามาเพื่อขายหรือเพื่อผลิตสินค้าส่งออกยังไม่มีความคึกคักเท่าที่ควร เพราะหากนำเข้ามาในช่วงนี้ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ อย่างไรก็ดีทางสมาคมคาดหวังว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ก่อนการจัดงานบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 กันยายน เนื่องจากตามแผนงานแล้วในปีนี้การจัดงานจะมีความพิเศษกว่าทุกปีเพราะจะมีการจัดพาวิเลียนเพื่อให้ผู้ค้านำวัตถุดิบจากทั่วโลกมาโชว์ในงาน เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าอัญมณีส่งออกรับทราบว่าวัตถุดิบจากแต่ละแหล่งมีความโดดเด่นสวยงามอย่างไร ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดการซื้อขายกันในอนาคต ซึ่งหากกฎหมายกเว้นภาษีมีผลบังคับใช้ทันจะเกิดความคล่องตัวในการนำสินค้าเข้ามาแสดงมาก แต่หากมีผลบังคับใช้ไม่ทันทางสมาคมจะขอยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับวัตถุดิบอัญมณีที่นำมาแสดงเป็นกรณีพิเศษ
ฐานธุรกิจ

stock in focus
***********
08/08/52
'ไทยการ์เมนต์'รายได้หด ชู3ยุทธศาสตร์ดันยอดโค้งหลัง
ผ่านครึ่งปีแรกยอดส่งออก "ไทยการ์เมนต์เอ็กซ์ปอร์ต" หายวับร่วม 700 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวปีที่ผ่านมา 15% เหตุจากวิกฤติเศรษฐกิจประเทศผู้ซื้อ ปลอบใจตัวเองหายไปน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ คาดทั้งปีโกยยอดขาย 4,000 ล้าน เน้น 3 ยุทธศาสตร์ ปรับกำลังผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด เพิ่มทักษะแรงงานทุกระดับ พัฒนาผลิตภัณฑ์


นายสมบูรณ์ เจือเสถียรรัตน์ กรรมการบริหารบริษัท ไทยการ์เมนต์เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ผู้ส่งออกสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) ว่าลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาประมาณ 14-15% โดยครึ่งแรกปีที่ผ่านมาส่งออกได้กว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปีนี้ส่งออกได้ประมาณ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,870 ล้านบาท คำนวณที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือเท่ากับว่าครึ่งแรกปีนี้รายได้จากการส่งออกหายไปประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ (680 ล้านบาท)


"แม้ว่ายอดส่งออกจะลดลง แต่ได้ทำใจไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้วโดยช่วงต้นปีได้ตั้งเป้าว่าครึ่งแรกของปีจะลดลงประมาณ 20% แต่พอถึงเดือนมีนาคม เมษายนต่อเนื่องถึงพฤษภาคม สัญญาการสั่งซื้อของลูกค้าเริ่มดีขึ้น ทำให้ยอดส่งออกของบริษัทติดลบไม่มากอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรก"นายสมบูรณ์ กล่าว


สำหรับเวลาที่เหลืออีก 6 เดือนข้างหน้า (กรกฎาคม-ธันวาคม) คาดว่าจะทำยอดส่งออกได้อีกประมาณ 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือรวมทั้งปีจะได้ประมาณ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4,080 ล้านบาท) จากปี 2551 บริษัทมียอดขาย 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยบริษัทให้ความสำคัญกับ 3 ยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุยอดเป้าหมายดังกล่าวได้แก่ 1.ปรับกำลังผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 2.เพิ่มทักษะแรงงานทุกระดับตั้งแต่คนงานไปจนถึงระดับผู้บริหาร 3.ปรับผลิตภัณฑ์สินค้ารูปแบบพิเศษให้มีมูลค่าเพิ่ม

ฐานธุรกิจ

stock in focus
***********
28/07/52
ครม.พิจารณายกเลิก VAT นำเข้าวัตถุดิบอัญมณี
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) การนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตอัญมณีอัตรา 7% ไปจนถึงเดือน ธันวาคม 2554 พร้อมทั้งอนุมัติการจัดเก็บภาษี ณ ที่จ่าย 1 % จากมูลค่าของสินค้าจากผู้ซื้อ

โดยหลังจากนี้จะออกพระราชบัญญัติกฤษฎีกาและลงประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ต่อไป ซึ่งเชื่อว่า การออกกฎหมายในครั้งนี้จะช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตอัญมณีของโลกได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเชื่อด้วยว่า การออกกฎหมายฉบับนี้จะไม่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้มากนัก ตรงกันข้ามจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจับเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1% เนื่องจากการเก็บภาษี VAT 7% ที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบการลักลอบการนำเข้าวัตถุดิบเป็นจำนวนมากและทำให้รัฐสูญเสียรายได้

แต่เมื่อลดภาษี VAT มาเป็นการจัดเก็บ ณ ที่จ่ายจากผู้ซื้อก็เท่ากับเป็นการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ระบบซึ่งจะช่วยให้เกิดการขยายฐานภาษีอีกทางหนึ่ง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MoneylineNews/tabid/89/newsid491/93998/Default.aspx
stock in focus
*************
23/07/52
รัฐหนุนสิ่งทอเทคนิค หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและความสามารถแข่งขัน ลดการนำเข้า โดยพบว่าผู้ประกอบการไทยผลิตได้เพียง 5% ของยอดผลิตทั้งหมดด้านสถาบันสิ่งทอเตรียมหารือบีโอไอเพิ่มสิทธิประโยชน์ มองแนวโน้มครึ่งปีหลังดีขึ้น
stock in focus
********
17/07/52
กสิกรไทยชี้ รองเท้ากีฬาไทยเหนื่อยจัดข้ามปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์อุตสาหกรรมรองเท้ากีฬาไทยยังมีแนวโน้มหดตัวทั้งส่งออกและตลาดไทย แนะผู้ผลิตรองเท้ากีฬา เร่งพัฒนานวัตกรรมสู้ศึก
แม้ว่านักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจหลายท่านจะให้ความเห็นว่า ขณะนี้วิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯ ที่ส่งผลลุกลามจนกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจของโลกนั้น ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดมาแล้วก็ตาม

แต่ด้วยแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ทำการประเมินว่ามูลค่าการส่งออกรองเท้ากีฬาของไทยไปยังตลาดโลกในปี 2552 นี้ จะยังคงมีแนวโน้มหดตัวลงประมาณร้อยละ 19.0 ตามกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

โดยการส่งออกรองเท้ากีฬาของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552 มีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 5 พันล้านบาท หดตัวลงถึงร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้ารองเท้ากีฬารายใหญ่ของโลกและเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ลดปริมาณการนำเข้ารองเท้ากีฬาลง ทำให้มูลค่าการส่งออกรองเท้ากีฬาของไทยไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552 หดตัวลงถึงร้อยละ 41.9 และ 11.5 ตามลำดับ

นอกจากนี้การส่งออกรองเท้ากีฬาของไทยไปยังจีนซึ่งเป็นตลาดใหม่ก็ยังมีการหดตัวลงเช่นเดียวกันถึงร้อยละ 30.5 ขณะที่การแข่งขันของตลาดภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 คาดว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น โดยปริมาณรองเท้ากีฬาที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ลดลงถึงร้อยละ 27.6

ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2552 ปริมาณการผลิตรองเท้ากีฬาเพื่อจำหน่ายในประเทศจะลดลงประมาณร้อยละ 23.2 หรือมีปริมาณการผลิตรวมประมาณ 7.0 ล้านคู่ ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่จะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดในช่วงที่ความต้องการรองเท้ากีฬาราคาถูกจากจีนในประเทศเริ่มลดลง

โดยคาดว่าปริมาณการจำหน่ายรองเท้ากีฬาภายในประเทศในปี 2552 จะมีแนวโน้มหดตัวลงประมาณร้อยละ 26.6 ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศที่ลดลง เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน

ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ทางการตลาดในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการควรเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนานวัตกรรมสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความระมัดระวังในการรับออเดอร์จากต่างประเทศ บริหารจัดการทางการเงินให้มีความรัดกุมเพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนทางการเงิน และเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศได้มากขึ้น พร้อมทั้งมองหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงทางการตลาด อาทิ จีน และญี่ปุ่น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
stock in focus
****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น