วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ข่าวอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์

04/09/52
หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ผงาด “DELTA-HANA”เฉิดฉาย
ทันหุ้น – หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ลิงโลดราคาพุ่งเกือบยกแผง ดักผลงานครึ่งหลังสดใส ด้านผู้บริหาร DELTA “อนุสรณ์ มุทราอิศ” มั่นใจไตรมาส 3/52 ไม่สะดุด พร้อมลุ้นดีลฮุบโรงงานเพาเวอร์ ซิสเต็มส์จบ นักวิเคราะห์สั่งลุย ทั้ง DELTA-HANA-CCET หลังเห็นสัญญญาณราคาหุ้นขาขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีการปรับเพิ่มขึ้นเกือบยกแผง นำโดย บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA ปิดตลาด (3 ส.ค.) ที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขายสุทธิ 8.86 ล้านบาท
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) HANA ปิดที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มีมูลค่าการซื้อขายสุทธิ 12.31 ล้านบาท และ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) CCET ปิดที่ 3.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายสุทธิ 48.38 ล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ช่วงสั้นจะมีสัญญาณขาขึ้น ตามทิศทางธุรกิจที่ฟื้นตัว โดยประเมินกรอบลงทุนของ DELTA จะมีแนวรับที่ 17.30 บาท แนวต้าน 19.00 บาท แนะนำ “ซื้อ” ส่วน HANA และ CCET ให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” ซึ่ง HANA จะมีแนวรับ 19.70 บาท แนวต้าน 21.00 บาท ขณะที่หุ้น CCET มีแนวรับ 3.40 บาท และแนวต้านที่ 3.70 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงมีมุมมองที่ดี และให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ “มากกว่าตลาด” เนื่องจากตัวเลข Book-to-Bill ratio เดือนกรกฎาคม ที่ออกมาแข็งแกร่ง และตัวเลขส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ของไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สถาบันไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์รายงายยอดส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 1.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จาก 1.23 แสนล้านบาทในเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้หากแบ่งแยกรายละเอียดจะพบว่ากลุ่ม Power Supply มีการเติบโตดีที่มากถึง 18.1% จากเดือนก่อน และ 11.5% จากมูลค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/2552 ซึ่งเป็นบวกต่อ DELTA และบ่งชี้ว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้ว
ขณะที่สินค้า IC ก็ยังเติบโตต่อเนื่อง 0.6% จากเดือนก่อน แต่เติบโต 8.2% จากมูลค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/2552 ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีว่า HANA ในไตรมาส 3/2552 จะยังดีต่อเนื่อง ส่วนสินค้าประกอบคอมพิวเตอร์มีการเติบโตที่แย่ที่สุด โดยยังลดลง 4.0% จากเดือนก่อน แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/2552 ถึง 2.6% ซึ่งตรงกับยอดขายที่อ่อนตัวลงของ CCET ที่เปิดเผยตัวเลขยอดขายรายเดือนประจำเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 8,866 ล้านบาท ลดลง 8% จากเดือนกรกฎาคมมียอดขายที่ 9,662 ล้านบาท
ทั้งนี้ส่งผลให้รายได้รวม 8 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 70,405 ล้านบาท ปรับลดลง 6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2551 ที่ 74,694 ล้านบาท แต่ถือว่ายอดขายแปดเดือนยังคงดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ ซึ่งคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเติบโตลดลง 8.2%
สำหรับคำแนะนำให้ “ซื้อ” HANA ประเมินราคาเป้าหมาย 21.50 บาท ส่วน DELTA จะมีราคาเป้าหมาย 18.45 บาท และ CCET แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นเกินราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท แล้ว
ด้าน นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA กล่าวว่า ยังไม่สามารถจะให้ข้อมูลตัวเลขยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3/2552 ได้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในต่างประเทศ และไม่มีตัวเลขดังกล่าวอยู่ในมือ
อย่างไรก็ตามประเมินว่าขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการกลับมาของธุรกิจ ซึ่งถือว่ามีทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2552 ที่ถือว่ามียอดขาย และกำไรต่ำสุดของปีนี้แล้ว เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับมา
ส่วนข้อสงสัยในการเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการโรงงานเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ ซึ่งผลิตชิ้นส่วนโรงงานโซลาร์เซลในสหรัฐนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ตามแผนงานการลงทุนดังกล่าวจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/2552
“ตอนนี้อยู่อินเดีย ไม่เกี่ยวแผนงานที่สหรัฐกัน แต่เรายังบอกไม่ได้ว่าจะมีอะไร รอให้กลับไทยก่อนแล้วค่อยคุยกัน” นายอนุสรณ์กล่าว
stock in focus
*************
31/07/52
Sector Update: ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์- บล.ทรีนีตี้

Source - Trinity Securities Co.,Ltd. (Th/Eng)
Friday, July 31, 2009 14:54
วิเคราะห์อุตสาหกรรม

อุตสาหกรรม ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์

แนวโน้ม Neutral

น้ำหนักการลงทุน Neutral

Group EPS Growth 2552F 2553F

-23% +34%



ราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนการฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่แล้ว



อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ซึ่งเป็นต้นน้ำของสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ทุกชนิดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52 ดัชนี SEMI book-to-bill ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในขณะที่ตัวเลขดัชนีผลผลิตฯ และการใช้กำลังการผลิตในประเทศที่จะประกาศเป็นทางการโดย ธปท. วันนี้จะยืนยันการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนการฟื้นตัวส่วนใหญ่ไว้แล้ว เราแนะนำซื้อ HANA, DELTA โดยเลือก DELTA เป็นหุ้นเด่น

- คาดอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52สัญญาณหลายประการบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ดัชนีการผลิตและส่งมอบเครื่องจักรสำหรับเครื่องจักรผลิตสินค้าเซมิคอนดัคเตอร์ หรือ SEMI book-to-bill ปรับฟื้นตัวติดต่อกัน 4 เดือน จากจุดต่ำสุดในระดับเป็นประวัติการณ์ สัญญาณการฟื้นตัวในคำสั่งซื้อและกิจกรรมทางการผลิต รวมทั้งการที่บริษัทวิจัยทางอิเล็คทรอนิคส์ iSuppli คาดว่าการใช้กำลังการผลิตของเซมิคอนดัคเตอร์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52 และอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ทั้งนี้เราคาดว่ากำลังการผลิตจะทยอยฟื้นตัวและกลับสู่ระดับปกติในไตรมาส 3/53

- คาดส่งออกฟื้นตัวเดือนที่ 4 ดัชนีผลผลิตฯ และการใช้กำลังการผลิตดีขึ้น

คาดว่าตัวเลขการส่งออกเดือน มิ.ย. 52 รายงานอย่างเป็นทางการโดย ธปท. ในวันที่ 31 ก.ค. 52 จะฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นอกจากนี้ดัชนีผลผลิตและอัตราการใช้กำลังผลิตที่คาดว่าจะรายงานตัวเลขออกมาดีต่อเนื่อง จะช่วยยืนยันการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

- ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/52 น่าจะฟื้นตัวได้โดดเด่น นำโดย HANA, CCET

แม้ผลการดำเนินงานจะแย่กว่าปีก่อน แต่เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน คาดว่าในไตรมาส 2/52 รายได้ของกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์จะเพิ่มขึ้น 10% QoQ ลดลง 7% YoY ในขณะที่กำไรสุทธิคาดจะเพิ่มขึ้นถึง 64% QoQ แต่ลดลง 47% YoY ทั้งนี้ HANA และ CCET เป็นบริษัทที่เห็นการฟื้นตัวเด่นชัดที่สุดในไตรมาส 2/52

- ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเพื่อสะท้อนอุตสาหกรรมที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และให้น้ำหนักกับการฟื้นตัว ปี 2553 แต่ราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวส่วนใหญ่แล้ว

เราปรับราคาเหมาะสมขึ้นโดยให้น้ำหนักกับการที่อุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และการฟื้นตัวของแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2553 ที่หลายบริษัทน่าจะได้ประโยชน์จากอุปสงค์ที่ฟื้นตัว ในขณะที่อุปทานหายไปบางส่วนจากการที่บริษัทที่อ่อนแอต้องปิดกิจการไป และปรับปีอ้างอิงเป็น 2553 อย่างไรก็ตามเรามองว่าการฟื้นตัวส่วนใหญ่ได้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้นแล้ว

- เลือก DELTA เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

ปัจจุบันเราให้คำแนะนำซื้อในหุ้น 2 ตัว ได้แก่ HANA และ DELTA โดยเราเลือก DELTA เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มจากผลการดำเนินงานที่จะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ผลตอบแทนปันผลที่ 8% หรืออาจสูงกว่า และแผนการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว และมี ROE ที่ 14-15% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม

เซมิคอนดัคเตอร์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52

- หลายสัญญาณบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ดัชนีการผลิตและส่งมอบเครื่องจักรสำหรับเครื่องจักรผลิตสินค้าเซมิคอนดัคเตอร์ หรือ SEMI book-to-bill ปรับฟื้นตัวติดต่อกัน 4 เดือน สู่ 0.77 ในเดือน มิ.ย. 52 หลังจากทำจุดต่ำสุดที่ 0.47 ในเดือน ม.ค. 52 ซึ่งเป็นระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ จากสัญญาณการฟื้นตัวในคำสั่งซื้อและกิจกรรมทางการผลิตที่ดีขึ้น

- การใช้กำลังการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52

บริษัทวิจัยทางอิเล็คทรอนิคส์ iSuppli คาดว่าการใช้กำลังการผลิตของเซมิคอนดัคเตอร์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52 และอยู่ในทิศทางฟื้นตัวจนถึงปีหน้า ทั้งนี้เราคาดว่ากำลังการผลิตสินค้าอิเล็คทรอนิคส์จะทยอยฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์และกลับสู่ระดับปกติในไตรมาส 3/53 โดยสินค้ากลุ่มแรกที่ฟื้นตัวจะเป็นสิ้นค้าอิเล็คทรอนิคส์เพื่อผู้บริโภค (Consumer Electronics) อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ กล้องดิจิตอล เครื่องเล่น MP3 ฯลฯ เนื่องจากเป็นสินค้าชิ้นเล็ก ราคาไม่สูง และมีการซื้อเปลี่ยนแทนของเดิมบ่อย ซึ่งผู้ผลิตในไทยที่ได้ประโยชน์คนแรก ๆ ได้แก่ HANA (เซมิคอนดัคเตอร์) และ CCET (Consumer Electronics)

- คาดว่าครึ่งปี 2552 หลังจะเริ่มเห็นการปรับประมาณการอุตสาหกรรม

เซมิคอนดัคเตอร์ขึ้นในช่วงครึ่งปลังของปี ซึ่งจะเป็นสัญญาณบวก

Table 1 ได้รวบรวมคาดการณ์รายได้ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์โดยบริษัทวิจัยการตลาดหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นลบต่อการเติบโตรายได้ปี 2552 ที่คาดว่าจะลดลงโดยเฉลี่ย 15-25% อย่างไรก็ตามเราเริ่มเห็นสัญาณบวกจากการที่บริษัทวิจัยบางแห่ง อาทิ Cowan LRA Model และ Gartner Dataquest ปรับเพิ่มคาดการณ์ในประมาณการครั้งล่าสุด (ดังจะเห็นว่าติดลบลดลง) เราคาดว่าด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เป็นบวกมากขึ้นน่าจะทำให้เริ่มเห็นสัญญาณบวกต่อการปรับคาดการณ์รายได้ปี 2552 ขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

การส่งออกฟื้นตัว การผลิตและการใช้กำลังการผลิตปรับดีขึ้น

- การส่งออกเดือน มิ.ย. 52 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

หลังยอดส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ลดลงเหลือเพียง 5,893 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลง 31% YoY ในเดือน ก.พ. 52 การส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิคส์เริ่มมีแนวโน้มปรับดีขึ้นและฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อเนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/51 – 1/52 บริษัทที่ผลิตสินค้าทั่วโลกชะลอกิจกรรมการผลิต และทำการลดระดับสินค้าคงคลัง (De-stocking) เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หายไปเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจ

- ครึ่งปีหลังคาดว่ายอดส่งออกยังได้รับผลดีตามฤดูกาล

เราคาดว่ายอดการส่งออกในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3/52 จะยังคงได้รับผลดีตามฤดูกาลเนื่องจากเป็น High season ของการส่งออก เราคาดยอดส่งออกในช่วงไตรมาส 3/52 จะติดลบลดลงเหลือต่ำกว่า 20% YoY จากที่ติดลบสูงถึงประมาณ 30% YoY ในช่วง 5 เดือนแรก และทรีนีตี้คาดว่ายอดการส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ไตรมาส 4/52 จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ 2% YoY ซึ่งเป็นผลจากทั้งทิสทางการส่งออกที่ดีขึ้นและฐานการส่งออกที่ต่ำในปีก่อน

- ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่ง

ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมด้านอิเล็คทรอนิคส์ มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำโดยการฟื้นตัวของการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และวงจรรวม โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ปริมาณการผลิตกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่เดือน พ.ค. 52 และในเดือน มิ.ย. 52 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายงานดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ของการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ปรับเพิ่มขึ้นจาก มิ.ย. 51 ถึง 11.3%

- การใช้กำลังการผลิตฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และวงจรรวม

อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity utilization rate) ของอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์เดือน พ.ค. 52 ปรับตัวดีขึ้นเป็น 60.1% ดีขึ้นหลังอัตราการใช้กำลังการผลิตลงไปต่ำสุดที่ 40.8% ในเดือน ม.ค. 52 ทั้งนี้เมื่อเทียบตัวเลขเดือน พ.ค. 52 กับ ม.ค. 52 เราเห็นการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์เกือบทุกประเภท ได้แก่ วงจรรวม (IC) เพิ่มเป็น 70.8% จาก 48.0% คอมพิวเตอร์เพิ่มเป็น 54.1% จาก 26.4% ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เพิ่มเป็น 69.5% จาก 45.9% ในขณะที่เครื่องพิมพ์ (Printer) เพิ่มเล็กน้อยเป็น 23.9% จาก 20.5%

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/52 คาดจะฟื้นตัวได้โดดเด่น

- ไตรมาส 2/52 จะยืนยันการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

เราคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/52 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวโดดเด่น QoQ จะเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม เราคาดรายได้รวมของอุตสาหกรรม (5 บริษัท ที่เราทำการวิเคราะห์) ในไตรมาส 2/52 จะยังคงลดลง 7% YoY แต่จะฟื้นตัวขึ้น 10% QoQ ในขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะปรับลดลง 41% YoY แต่เป็นการฟื้นตัวดีขึ้นถึง 39% QoQ โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของ HANA และ CCET

- หุ้นที่มีโอกาสปรับประมาณการลงได้แก่ CCET

ครึ่งปี CCET มีรายได้แล้วถึง 51,962 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของประมาณการทั้งปี ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 2/52 แม้มีกำไรฟื้นตัวโดดเด่นถึง 64% QoQ แต่รวมแล้วครึ่งปีคาดมีกำไรเพียง 409 ล้านบาท หรือเพียง 27% ของประมาณการทั้งปี ทั้งนี้ CCET มีแนวโน้มแสดงรายได้สูงกว่าที่เราคาด จากการฟื้นตัวของการใช้กำลังการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่เริ่มกลับสู่ปกติ อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นมีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาดเนื่องจากการรับจ้างประกอบและผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD PCBA) ที่ค่อนข้างต่ำ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มมากกว่าคาด ทำให้เราอาจปรับประมาณการรายได้เพิ่ม แต่ปรับกำไรสุทธิลงหลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/52

ราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนการฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่แล้ว

- ปรับราคาเหมาะสมและคำแนะนำขึ้น ปรับน้ำหนักการลงทุนเป็นเท่าตลาด

เราปรับราคาเหมาะสมและคำแนะนำขึ้นเนื่องจาก 1) เปลี่ยนปีอ้างอิงเป็นปี 2553 2) ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว 3) เราให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ต่อเนื่องไปยังปี 2553 ซึ่งหลายบริษัทน่าจะได้รับประโยชน์จากอุปทานที่ลดลงหลังผู้ประกอบการบางส่วนที่เป็นคู่แข่งปิดหรือเลิกกิจการไป อีกทั้งได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว 4) ความเสี่ยงของธุรกิจที่ลดลงหลังวิกฤติเริ่มผ่อนคลายทำให้เราเพิ่ม PER สำหรับการประเมินมูลค่าหุ้นโดยเฉลี่ยขึ้น 1 เท่าสำหรับหุ้นทุกตัว และปรับน้ำหนักการลงทุนขึ้นจาก “ต่ำกว่าตลาด” เป็น “เท่าตลาด”

- แต่เราคาดว่าราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่แล้ว

ในช่วงไตรมาส 4/51 – 1/52 ราคาหุ้นตอบรับข่าวลบเรื่องผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเกินไป และบริษัทที่ดีอย่าง HANA, DELTA, SVI ซึ่งมีเงินสดในมือสูง ไม่หนี้หนี้เลย ถูกกดดันจนซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ในขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นทั้งกลุ่มปรับขึ้นอย่างรุนแรงหลังผลกระทบของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มคลี่คลายลง เราคิดว่าการปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวได้สะท้อนเข้ามาในราคาหุ้นเป็นส่วนใหญ่แล้ว พิจารณา Table 3 ราคาหุ้นบางตัว อาทิ HANA, CCET และ KCE เริ่มแพงเกินมูลค่าอ้างอิงปี 2552 แล้ว และเริ่มเหลืออัพไซด์ไม่มากนักเทียบกับการประเมินมูลค่าอ้างอิงปี 2553 (2009 Valuation) ของเรา ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวส่วนใหญ่ถูกรับรู้เข้าไปในราคาหุ้นแล้ว

สรุปคำแนะนำรายบริษัท

เราให้คำแนะนำซื้อใน 2 บริษัทได้แก่ HANA และ DELTA เนื่องจากปัจจัยที่พื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มที่ปรับดีขึ้น ในขณะที่แนะนำ “ถือ” ในหุ้น CCET, SVI และ KCE แม้หุ้นในกลุ่มนี้จะมีอัพไซด์เหลือประมาณ 10 – 15% แต่ด้วยพื้นฐานที่เป็นรองกว่า ราคาที่สะท้อนการฟื้นตัวไปมากแล้ว อีกทั้งบริษัทอย่าง CCET อาจมีความเสี่ยงจากการถูกปรับประมาณการลง ทำให้เราให้คำแนะนำหุ้นกลุ่มหลังนี้เพียงถือ



HANA

การใช้กำลังการผลิตไอซีกลับสู่ปกติ

- ได้ผลดีจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเป็นลำดับแรก ๆ ในฐานะของผู้ผลิตต้นน้ำ เนื่องจากวงจรรวม (IC) และอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ เป็นหัวใจของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ทุกประเภท

- การใช้กำลังการผลิตไอซีกลับสู่ระดับ 80-90% หรือ 10-11 ล้านตัวต่อวัน หลังจากช่วงไตรมาส 1/52 การใช้กำลังการผลิตตกต่ำลงเหลือแค่ 55% หรือ 6 ล้านตัวต่อวัน

- การฟื้นตัวของรายได้มาจากธุรกิจ IC (1/3 ของรายได้) ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง (ประมาณ 20%) เทียบกับธุรกิจรับจ้างประกอบและผลิต (กำไรขั้นต้นเพียงประมาณ 10%) ทำให้กำไรขั้นต้นรวมจะฟื้นตัวดีขึ้น

- ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง เป็น net cash company หรือ บริษัทที่มีเงินสดในมือมากกว่าหนี้สิน

- หุ้นมีโอกาสถูกปรับประมาณการขึ้น เนื่องเซมิคอนดัคเตอร์เป็นต้นน้ำของอิเล็คทรอนิคส์ทุกชนิด และมีแนวโน้มที่อุปทานการผลิตจะขาดแคลนในปี 2553

- ประเมินราคาเหมาะสม 20 บาท (PER ปี 2553 ที่ 10 เท่า) แนะนำซื้อ



DELTA

ผลการดำเนินงานจะเร่งตัวในครึ่งปีหลัง

- ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/52 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง เนื่องจากการชะลอคำสั่งซื้อบางส่วนซึ่งจะไปส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง

- ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสินค้าที่ส่งมอบมีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าช่วงต้นปี อีกทั้งรายได้ที่อินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งใหญ่ไปเมื่อ พ.ค. 52

- เงินสดในมือ สูงถึง 7.7 พันล้านบาท (6.14 บาท/หุ้น) และบริษัทสร้างกระแสเงินสดหลังภาระเงินลงทุนได้ตกปีละ 1.6 – 2.4 บาท/หุ้น ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายปันผลที่ 8% หรือสูงกว่า

- โอกาสในการเข้าซื้อกิจการเพื่อเติบโต โดยบริษัทมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการเข้าซื้อกิจการ (Acquisition) วงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งยังอยู่ระหว่างเจรจา เราคาดว่าขนาดของการเข้าซื้อที่คิดเป็น 27% ของสินทรัพย์ของ DELTA เป็นขนาดที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน และจะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคต

- ประเมินราคาเหมาะสม 21 บาท (PER ปี 2553 ที่ 10 เท่า) แนะนำซื้อ



CCET

ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์

- อุปสงค์ในสินค้าอิเล็คทรอนิคส์เพื่อการบริโภค (Consumer Electronics) ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากสินค้าในกลุ่มนี้มีราคาต่อหน่วยต่ำ อายุการใช้งานไม่ยาวนาน จึงทำให้เกิดการซื้อเปลี่ยนแทนได้ง่าย

- การใช้กำลังการผลิตและประกอบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD PCBA) ปรับขึ้นสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ Seagate และ WD เริ่มกลับมารับพนักงานเพิ่มเป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

- อย่างไรก็ตามราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวมากแล้ว แม้จะยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 3.46 บาท

- แนวโน้มอาจถูกปรับประมาณการลง เนื่องจากสินค้า HDD PCBA แม้ทำรายได้สูง แต่มีอัตรากำไรค่อนข้างต่ำ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปีอาจต่ำกว่าที่เราคาดไว้

- ประเมินราคาเหมาะสม 3.2 บาท (PER ปี 2553 ที่ 8 เท่า) แนะนำถือ



SVI

คาดไตรมาส 2/52 อาจมีการจ่ายปันผลพิเศษสูงถึงประมาณ 0.50 บาท

- การเข้าถือหุ้นใหญ่ (66%) ของผู้บริหาร โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม (H&Q) เป็นบวกต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น เนื่องจากช่วยขจัดความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์

- คาดจะมีจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาลประมาณ 0.50 บาท ทั้งนี้จากการกู้เงินของผู้บริหารเพื่อเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่จาก H&Q ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม เราคาดว่าด้วยสัญญากู้เงินที่มีระยะเวลาชำระคืนภายใน 9 เดือน อีกทั้งแหล่งชำระคืนเงินกู้หลักตามหนังสือทำคำเสนอซื้อมาจากเงินปันผล ซึ่งตามการคำนวณของเราผู้บริหารน่าจะต้องการเงินปันผลประมาณ 0.84 บาท/หุ้น ด้วยเงินสดในมือ ณ สิ้นไตรมาส 1/52 (หลังหักปันผลแล้ว) ที่ 751 ล้านบาท ทำให้คาดว่า SVI สามารถจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาลได้ประมาณ 0.50 บาท/หุ้น และคาดทั้งปีจะจ่ายปันผลรวม 0.90 บาท

- ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/52 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากการชะลอคำสั่งซื้อ

- ราคาหุ้นสะท้อนโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อผุ้ถือหุ้นส่วนน้อยมากขึ้น นอกจากนี้การจ่ายปันผลพิเศษอาจมีผลต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเราแนะนำนักลงทุนถือรอประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งอาจสูงถึง 0.50 บาท/หุ้น

- ประเมินราคาเหมาะสม 2.4 บาท (PER ปี 2553 ที่ 8 เท่า) แนะนำถือ



KCE

ผ่านจุดที่กดดันที่สุดไปแล้ว จะเริ่มกลับมีกำไรไตรมาส 4/52

- ปิดโรงงานที่บางปู ช่วยลดต้นทุนดำเนินงาน ปัจจุบันใช้โรงงานหลัก 2 แห่งที่ อยุธยา และ ลาดกระบัง

- แม้การใช้กำลังการผลิตจะเริ่มปรับดีขึ้นบ้าง แต่ผลการดำเนินงานโดยรวมคาดจะยังทรงตัว ก่อนจะเริ่มดีขึ้นโดยไตรมาส 3/52 คาดขาดทุนจะลดลงมากและอาจใกล้ถึงจุดคุ้มทุน ก่อนกลับมาเริ่มมีกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/52 เป็นต้นไป

- การฟื้นตัวขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมยานยนต์ (2 ใน 3 ของรายได้) ซึ่งเป็นสินค้าคงทนที่ฟุ่มเฟือยทำให้ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวการบริษัทอื่นในกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์

- สินค้าในกลุ่ม Consumer Electronics ของ KCE เป็นสินค้าในกลุ่มมูลค่าสูงและมีราคาแพง อาทิ โทรทัศน์จอแบน เครื่องเล่นเกมส์ ทำให้ฟื้นช้ากว่าสินค้าประเภทฮาร์ดดิสก์ เครื่องเล่น MP3 หรือ กล้องดิจิตอล เป็นต้น

- ประสบความสำเร็จในการเจรจาเลื่อนชำระคืนเงินต้นของเงินกู้ระยะยาวออกไป 1 ปี ทำให้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องผ่อนคลายลงอย่างมาก

- ประเมินราคาเหมาะสม 2.1 บาท (PER ปี 2553 ที่ 7.5 เท่า) ปรับคำแนะนำขึ้นจากขายเป็น “ถือ”


กิจพล ไพรไพศาลกิจ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 021527 โทร : (662) 286 3999 ต่อ 504 kitpon@trinitythai.com


โดย บมจ. หลักทรัพย์ทรีนีตี้ ประจำวันที่ 31 ก.ค.2552
stock in focus,electronics stock
******
16/07/52
ครึ่งหลัง 'หุ้นอิเล็ก' ฟื้นแน่ ธปท.ชี้ทางเศรษฐกิจเริ่มดี
ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจภาคการผลิตเริ่มขยับตัว หลังแช่แข็งมากกว่าครึ่งปี สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) มองอิเล็กทรอนิกส์ ได้อานิสงส์ระยะสั้น เชื่อทั้งปีจีดีพี -3% ส่วนปีหน้าพลิกเป็นบวก 1.5% สอดคล้องแบงก์ชาติ กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.25% เหตุเศรษฐกิจเริ่มสวย ด้านโบรกเกอร์คาดหุ้นไทยพุ่งแรงต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัด แต่ได้อานิสงส์น้ำมันแพงดันหุ้นพลังงานเด้งนำตลาด มองดัชนีพรุ่งนี้ในกรอบ 580-590 จุด
stock in focus

***********
8/07/52
หุ้นชิ้นส่วนไปโลดออเดอร์จ่อ 'HANA-DELTA-CCET' รวย
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กครึ่งหลังเฉิดฉาย หลังเศรษฐกิจโลกฟื้น สต๊อกสินค้าโลกหดหนุนดีมานด์ดีดกลับ บิ๊ก HANA "อิสรา ศิวะกุล" สบช่องผลิตเพิ่ม 75% จากเดิม 55% ดักออเดอร์ใหม่ ยิ้มไตรมาส 2 โตกว่าไตรมาส 1/2552 ที่มีรายได้ 2,687 ล้านบาท มั่นใจ 3/2552 รวยต่อ อุดรูรั่วช่วงโลว์ซีซั่น ด้านกุนซือใหญ่ DELTA "อนุสรณ์ มุทราอิศ" ดี๊ด๊า ครึ่งปีหลังสดใส โบรกแนะ "ซื้อ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น