วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและครัวเรือน53

กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและครัวเรือน53
05/01/53
เครื่องใช้ไฟฟ้าปีเสือแข่งดุหลังเศรษฐกิจฟื้น

ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีเสือแข่งดุ กลุ่มไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมาแรง มั่นใจมาตรการกระตุ้นของภาครัฐดันอุตสาหกรรมโต
ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาสามสี่ปีติดต่อกัน ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างคาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดปี 2552 ที่ผ่านมา จะทรุดตัวลงไม่ต่ำกว่า 20% อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย ของปี สถานการณ์กลับดีขึ้น ภาพรวมของตลาด มีการเติบโต 5% โดยสินค้าหลักที่ช่วยผลักดันยอดขายในตลาด คือสินค้า หมวดจอภาพ ไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ซึ่งสินค้าในหมวดดังกล่าวถือเป็นสินค้าที่ทำยอดขายเป็นหลักอยู่แล้วในตลาด
"ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน (เอชเอ) โดยเฉพาะในส่วนของชิ้นเล็ก ในช่วง 11 เดือนของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ย. 2552) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ปรากฏ มียอดจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้นในทุกประเภท เฉพาะอย่างยิ่งยอดจำหน่ายของเครื่องทำน้ำอุ่นปรับตัวสูงขึ้นถึง 85% ขณะที่ในด้านมูลค่าตลาดก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน 87% สำหรับยอดขายเครื่องทำน้ำอุ่นนั้น ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตามฤดูกาล" ชัยฤทธิ์ ปิยบุตร ผู้จัดการประจำประเทศไทย จีเอฟเค รีเทล แอนด์ เทคโนโลยี ประเทศไทย บริษัทวิจัยและทำการสำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าในส่วนรีเทล กล่าว
นอกจากเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ในส่วนของเครื่องเตรียมอาหาร ในแง่ของทั้งยอดจำหน่ายเชิงยูนิตและมูลค่าก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยเชิงปริมาณ เติบโต 24% ส่วนมูลค่า 21% สำหรับเครื่องดูดฝุ่นแม้ว่ายอดขายในเชิงของปริมาณ เติบโต 13% แต่ในแง่ของมูลค่าการตลาดพบว่ามีการปรับตัวลดลง 1% เนื่องจากราคาเฉลี่ยปรับตัวลดลงนั่นเอง
"สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กโดยเฉลี่ยแต่ละปีโต 5-10% เป็นตัวที่ช่วยดันตลาดในกลุ่มเอชเอ สำหรับปีนี้เราคาดว่านอกจากชิ้นเล็กอื่นๆ แล้ว เครื่องปรับอากาศเป็นอีกสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ดันให้ตลาดขยายตัว เพียงแต่ปีที่ผ่านมาไตรมาสแรกและไตรมาสสองอาจ ลดลงไปบ้าง แต่ไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาเครื่องปรับอากาศกลับมาขยายตัว 5%" ผู้บริหารกล่าว
ส่วนเครื่องใช้ไฟอื่นๆ โดยเฉลี่ยมียอดจำหน่ายสูงขึ้นไม่มากนัก เช่น เตารีดมียอดจำหน่ายเชิงจำนวน และเชิงมูลค่าอยู่ที่ 4% โดยผู้บริโภคยังคงให้การตอบรับกับเตารีดชนิดไอน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความใส่ใจในรายละเอียดของการรักษาคุณภาพของเสื้อผ้ามากขึ้น รวมทั้งการใช้งานของเตารีดชนิดไอน้ำในปัจจุบันใช้งานง่ายและรวดเร็วกว่าเตารีดชนิดแห้ง
ส่วนตลาดไดร์เป่าผมเป็นอีกสินค้าหนึ่งที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 11 เดือนของปีที่ผ่านมามียอดจำหน่ายเชิงปริมาณ และเชิงมูลค่าอยู่ที่ 3% และ 7% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดของหม้อหุงข้าว มียอดจำหน่ายเชิงปริมาณคงที่และเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น 3% สำหรับตลาดหม้อหุงข้าวแบบอุ่นทิพย์ หรือ Jar Type ในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้วใน ในขณะที่หม้อหุงข้าวแบบธรรมดา หรือ Conventional Type มีสัดส่วนลดลง
เอกชนมั่นใจมาตรการกระตุ้น ศก.ดันตลาดโต
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีมาตั้งแต่ต้นปี 2552 โดยเฉพาะมาตรการระยะสั้นช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไม่ได้ตกต่ำอย่างที่คาดการณ์ของหลายๆ ฝ่าย และส่งผลดีมาถึงหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า
“การแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้ ยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง สินค้าที่ขายได้ยังมีหลายกลุ่ม โดยกลุ่มไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กช่วยดันให้ตลาดโต เชื่อว่าผู้ประกอบการจะงัดกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ ออกมา โดยเฉพาะในปีนี้ที่จะมีมหกรรมกีฬาอย่างฟุตบอลโลก 2010 เราเชื่อว่าจะช่วยให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าคึกคักอย่างแน่นอน”
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ (เม.ย. 2552 - มี.ค. 2553) ถึงแม้บริษัทจะยังไม่ปิดปีงบประมาณ แต่ก็มั่นใจว่าจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้คือ 5,700 ล้านบาท เติบโต 15% ส่วนปีหน้า (เม.ย. 2553-มี.ค. 2554) บริษัทก็มั่นใจเช่นกันว่าจะเติบโต โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ 6,500 ล้านบาท สำหรับรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากกลุ่มเอชเอ 55% รองลงมาคือ ไอที 30% และ 15% เป็นกลุ่มเอวี
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีที่ผ่านมาแม้จะมีสินค้าบางตัวที่หดตัว เช่น เครื่องปรับอากาศ, ซีอาร์ที ทีวี,กล้องดิจิทัล และเครื่องเสียง แต่ก็ยังมีสินค้าอีกหลายๆ กลุ่มช่วยขับเคลื่อนตลาด เช่น แอลซีดี ทีวี, เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก
สำหรับแอลจีสินค้าที่โดดเด่นและช่วยขับเคลื่อนคือ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น แอลซีดี และแอลอีดี ทีวี โดยภาพรวมที่ผ่านมาเติบโต 16-17% หรือคิดเป็นรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 20% เนื่องจากสินค้าหลักอีกตัวหนึ่งที่ช่วยไดร์ฟตลาด คือ เครื่องปรับอากาศ หลังจากที่ภาษีสรรพสามิตเหลือ 0% จะส่งผลให้ตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2553 นี้ กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาตลาดหดตัวกว่า 10%
"ปีนี้เรามั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ดูจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐที่มีการลงทุนระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้จะมีผลในระยะยาว และจากการที่ซัพพลายเออร์มีออเดอร์เพิ่มขึ้น มีการเพิ่มกำลังผลิต เราจึงมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และส่งผลต่อภาพรวมในอุตสาหกรรมดีขึ้นเช่นกัน" ผู้บริหารกล่าว
krungthepturakij

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น