วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ข่าวกลุ่มขนส่งและโลจิสติก53

13/01/53
รับเหมาตีปีกโครงการใหญ่เข้าคิวประมูลปีนี้ 5 แสนล.บิ๊กแบรนด์ตีตั๋วจองล่วงหน้า

คมนาคมเทกระจาดประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ปี53 เผยงานใหญ่รอเข้าคิวประมูลกว่า 5 แสนล้าน ทั้งรถไฟฟ้า 3 สาย 3 สี ระบบราง ร.ฟ.ท. โครงการไทยเข้มแข็ง ถนนปลอดฝุ่น ทางด่วน ถนนเงินกู้ 4 เลน 7 สาย ท่าเรือปากบารา สะพานนนทบุรี 1 ฯลฯ บิ๊กแบรนด์ "ช.การช่าง-อิตาเลียนไทย-ซิโน-ไทย" ตีตั๋วจองล่วงหน้า !!

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปี 2553 กระทรวงคมนาคมมีแผนงานเตรียมประมูลมากเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์ทั้งโครงการใช้งบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือ SP2 โครงการเงินกู้ และโครงการใหม่จากงบประมาณประจำปี 2553 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท (ดูตารางประกอบ)
@ รถไฟฟ้า 3 สาย 1.82 แสนล้าน
ตัวอย่างเมกะโปรเจ็กต์ อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย มูลค่ารวม 182,118 ล้านบาท ได้แก่ สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) วงเงิน 65,148 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) วงเงิน 52,257 ล้านบาท และสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 28,111 ล้านบาท และหมอชิต-สะพานใหม่ วงเงิน 36,602 ล้านบาท
ล่าสุดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เตรียมออกประกาศประกวดราคาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินระหว่าง 20-28 มกราคมนี้ และให้ยื่นซองราคา 29 เมษายน โดยแบ่งงาน 5 สัญญา คือ 1-2 งานก่อสร้างใต้ดิน ช่วงหัวลำโพง-สนามไชย, ช่วงสนามไชย-ท่าพระ 3.งานโครงสร้างยกระดับ ช่วงเตาปูน-ท่าพระ จะมีส่วนก่อสร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 11 กิโลเมตรด้วย 4.งานโครงสร้างยกระดับช่วงท่าพระ-หลักสอง รวมศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถที่หลักสอง และ 5.งานวางราง
สายสีเขียวจะตามมาเร็ว ๆ นี้ รฟม.กำลังออกประกาศ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน บอร์ด รฟม.จะประชุมวันที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับราคาก่อสร้างใหม่ สายสีแดง การรถไฟฯจะประกาศขายแบบเดือนมีนาคมนี้ แบ่ง 3 สัญญา มี 1.งานโยธาและสถานีกลางบางซื่อ 25,200 ล้านบาท 2.งานโยธาจากสถานีบางซื่อ-รังสิต 18,200 ล้านบาท 3.งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า 26,800 ล้านบาท
@ ยกเครื่องการรถไฟฯ 1.53 แสนล้าน
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ยังมีงานระบบรางของการรถไฟฯผ่านการใช้งบฯอัดฉีดแผนการยกเครื่องการรถไฟฯ 5 ปี (2553-2557) วงเงิน 153,053 ล้านบาท ตามนโยบายของนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเมื่อ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังจัดลำดับความสำคัญโครงการ
กรอบแผนงานประกอบด้วย งานโยธา 51,124 ล้านบาท มีปรับปรุงทางระยะที่ 5 วงเงิน 8,508 ล้านบาท ปรับปรุงทางระยะที่ 6 วงเงิน 6,779 ล้านบาท ปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 23,670 ล้านบาท ปรับปรุงสะพาน 12,167 ล้านบาท งานอาณัติสัญญาณ 19,014 ล้านบาท มีโครงการไฟสี 11,358 ล้านบาท ติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคม 2,200 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องกั้นถนน 5,456 ล้านบาท
งานรถจักรและล้อเลื่อน 16,803 ล้านบาท มีการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า 13 คัน (20 ตัน/เพลา) 2,145 ล้านบาท รถโดยสารรูปแบบชุด 6 ขบวน 4,736 ล้านบาท รถจักรดีเซลไฟฟ้าทดแทน GE 50 คัน 6,562 ล้านบาท ยกเครื่องรถจักร 56 คัน 3,360 ล้านบาท
โครงการรถไฟทางคู่ 5 สาย 767 กิโลเมตร 66,110 ล้านบาท มีสายลพบุรี-ปากน้ำโพ 7,860 ล้านบาท สายมาบกะเบา-นครราชสีมา 11,640 ล้านบาท สายนครราชสีมา-ขอนแก่น 13,010 ล้านบาท สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน 16,600 ล้านบาท สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 17,000 ล้านบาท
"โครงการที่พร้อมประมูลก่อนมีจัดซื้อหัวรถจักร ปรับปรุงทางระยะที่ 5 และระยะที่ 6 ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ 586 กิโลเมตร เนื้องาน เช่น เปลี่ยนรางให้รับน้ำหนักขนาด 100 ปอนด์ เปลี่ยนไม้หมอน เป็นต้น"
@ สนามบิน-ทางด่วน-ท่าเรือจ่อคิว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในส่วนของอาคารผู้โดยสารในประเทศทางด้านซ้าย วงเงิน 9,133 ล้านบาท พื้นที่ 80,000 ตารางเมตร โครงการสนามบินภูเก็ต 5,791 ล้านบาท โครงการเช่ารถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คัน วงเงินกว่า 63,000 ล้านบาทของ ขสมก. อยู่ระหว่างตรวจสอบร่างทีโออาร์ การกำหนดราคากลาง คาดว่าจะเริ่มประกาศทีโออาร์ได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หลัง ครม.อนุมัติแล้ว
ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กำลังผลักดันทางด่วนสายใหม่ "ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก" 17 กิโลเมตร 26,762 ล้านบาท ด้านกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) มีโครงการท่าเรือปากบารา 8,633 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการใช้งบฯไทยเข้มแข็งปี 2553 ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ทั้ง 2 หน่วยงานมีเม็ดเงินลงทุนรวม 30,647 ล้านบาท ยังไม่รวมงบประมาณประจำปี 2553 ที่กระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรร 76,933 ล้านบาท
@ ทางหลวง-ทางหลวงชนบทงบฯบวม
นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ปี 2553 นี้ ทล.มีงบฯไทยเข้มแข็ง 11,128 ล้านบาท อาทิ งานประสิทธิภาพทางหลวง บูรณะทางสายหลัก ซึ่งได้เปิดประมูลไปแล้วเมื่อตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา คาดว่าภายในเดือนมกราคมนี้จะเซ็นสัญญาก่อสร้างได้หมด
งานประมูลยังรวมถึง ทล.ได้เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) 10,290 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร 7 สาย ระยะทางรวม 394 กิโลเมตร ได้แก่ สายพิษณุโลก-หล่มสัก สาย อ.สีคิ้ว-อ.หนองบัวโคก สาย อ.นางรอง-อ.ปราสาท สาย อ.สัตหีบ-อ.พนมสารคาม สาย อ.พนมสารคาม-สระแก้ว สายพังงา-กระบี่ตอน 3 และสาย อ.ระโนด-อ.สทิงพระ ทั้งหมดจะเริ่มประมูลกลางปีนี้ โดยกรมตัดแบ่งงานก่อสร้างเป็น 17 สัญญา สัญญาละ 500-800 ล้านบาท เพื่อให้งานก่อสร้างทำได้เร็วขึ้น
ส่วนงบประมาณปี 2553 ของ ทล.ปีนี้ได้น้อยลง เพราะส่วนใหญ่ไปอยู่ในงบฯไทยเข้มแข็ง เหลือกว่า 26,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบฯบำรุงทาง 10,006 ล้านบาท คาดว่าแบ่งการประมูลเป็น 100 สัญญา
นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ขณะนี้ ทช.รองบฯไทยเข้มแข็งรอบที่ 2 เพื่อลงทุนโครงการถนนปลอดฝุ่น 4,100 กิโลเมตร วงเงิน 19,519 ล้านบาท สำหรับใช้ในปี 2553-2554 หากผ่านสภาจะเริ่มประมูลได้ในเดือนมีนาคมนี้
"มีอีก 2 โครงการใหญ่ คือ สะพานนนทบุรี 1 วงเงิน 3,900 ล้านบาท รอเซ็นสัญญาเงินกู้จากองค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า อีกโครงการเป็นถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันออก) อยู่ในงบฯไทยเข้มแข็ง วงเงิน 2,450 ล้านบาท น่าจะประมูลได้ปีนี้เช่นกัน"
@ ชี้บิ๊กรับเหมากินรวบ "รถไฟฟ้า"
แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการรับเหมารายใหญ่ รายกลางและรายเล็ก บริษัทที่ปรึกษามีความเคลื่อนไหวคึกคักมาก หลังรัฐบาลจะเปิดประมูลงานใหญ่และเล็กในปีนี้ อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่าเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้า 3 สาย มีแนวโน้มว่ารับเหมารายใหญ่ตีตราจองไว้หมดแล้ว คาดว่าไม่น่าจะพ้นกลุ่มบิ๊กทรีของวงการคือ อิตาเลียนไทย ช.การช่าง และซิโน-ไทย
"ผู้รับเหมารายกลางและเล็กไม่มีกำลังมากพอทั้งผลงานและรายได้ที่จะเป็นแกนนำยื่นประมูลได้ ไม่ว่ารับเหมาชั้น 1 จากกรมทางหลวงที่พยายามจะเข้ามา เช่น ยูนิค วิจิตรภัณฑ์ กรุงธน ชัยนันท์ เนาวรัตน์ คริสเตียนี เป็นต้น เป็นได้แค่ผู้ร่วมทุนลำดับที่ 2 และ 3 เท่านั้น ซึ่งต้องไปจับขั้วกับบิ๊กแบรนด์ 3 รายนี้"
@ เมกะเพลเยอร์คึกคักแข่งประมูล
นายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดรับเหมาก่อสร้างคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการเปิดประมูลก่อสร้างออกมาจำนวนมาก มากกว่าในช่วงปีที่แล้ว ทั้งโครงการขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก มีทั้งที่ใช้เงินกู้ งบฯไทยเข้มแข็ง อาจจะเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมามีการอั้นมานาน
แหล่งข่าวจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลเฉพาะโครงการขนาดใหญ่และขนาดกลาง ส่วนโครงการขนาดเล็กวงเงิน 2-3 ล้านบาท บริษัทคงจะไม่สนใจเข้าร่วมประมูลด้วยเนื่องจากไม่คุ้ม
นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทสนใจประมูลงานรถไฟฟ้าทุกสายทั้งสีแดง สีน้ำเงิน ส่วนจะร่วมกับใครบ้างยังตอบไม่ได้ต้องดูทีโออาร์ก่อน แต่โครงการไหนที่คิดว่าบริษัทสามารถดำเนินการได้จะยื่นเดี่ยวเหมือนสายสีม่วง
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เฉพาะในส่วนของ ช.การช่างนั้น การตอกเข็มเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งบริษัทประมูลได้สัญญาก่อสร้างช่วงที่ 1 จะเริ่มดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ตั้งแต่ช่วงเตาปูน-แคราย
"การประมูลรถไฟฟ้าอีกหลายสาย เราพร้อมที่จะเข้าร่วม รวมถึงหากจะมีการเจรจากันเพื่อให้เกิดประโยชน์ในเรื่องค่าโดยสารซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาชน บริษัทก็ยินดี เราเชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันงบประมาณลงไปสู่การดำเนินการได้มากขึ้น" นายปลิวกล่าว
prachachat**********
30/12/52
TTAŽหุ้นท็อปสุดกลุ่มเดินเรือ

เซียนเผยดัชนีค่าระวางเรือปี 2553 เคลื่อนไหวระดับ 2,500-3,000 จุดด้านซัพพลายเพิ่มขึ้นจากปีนี้อย่างแน่นอนสอดคล้องกับดีมานด์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดดเด่น Top Pick สุดในกลุ่มยกให้ TTA คาดรายได้ปี 2553 อยู่ที่ 24,407 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,256 ล้านบาท แจกเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.67 บาท ราคาเป้าหมายสูงถึง 34.75 บาทรองลงมาหุ้น JUTHA เล็กพริขี้หนู คาดรายได้ 523 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27 ล้านบาทจ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาทราคาเป้าหมาย 6.30 บาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย กล่าวว่า คาดว่าดัชนีค่าระวางเรือ(BDI)ปี 2553 คาดจะใกล้เคียงกับปี2552หรืออยู่ระดับ 3,000-3,500 จุดขณะที่คาดว่าปริมาณเรือ(Supply)ในปีหน้าจะเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะไปหายเนื่องจากอู่ต่อเรือไม่สามารถต่อเรื่อได้เป็นผลมาจากปัญหาทางด้านการเงินอย่างไรก็ตามจาการที่รัฐบาลของประเทศที่ดำเนินธุรกิจต่อเรือได้เข้ามาช่วยเหลือส่งผลให้ Supply กลับมาขณะที่ความต้องการ(Demand)ไม่น่าห่วงคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้ดัชนีค่าระวางเรือไม่แตกต่างจากปีนี้มากนัก
สำหรับหุ้นในกลุ่มเดินเรือแนะนำ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)TTA ราคาเป้าหมาย 28.60 บาท สำหรับธุรกิจเรือสินค้าแห้งเทกองของ TTA นั้นผู้บริหารวางกลยุทธ์ที่ค่อนข้าง Conservative ในธุรกิจนี้โดยเตรียมที่จะปลดระวางเรือที่มีอายุมากกว่า 10 ปีในปี 2553 ซึ่งมีอยู่ราว 10 ลำ (จากในปัจจุบัน35 ลำ) อย่างไรก็ตาม TTA ได้มีการสั่งซื้อเรือ(มือสอง) ไว้จำนวน 5 ลำและจะทยอยส่งมอบในช่วงปี 2553-2555
ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มทรงตัวสูงกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้บริษัทสำรวจใต้ทะเลมีแรงจูงใจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มการใช้บริการธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำของ TTA และการใช้บริการเรือขุดเจาะ ซึ่งในปี 2553 บริษัทได้มีการซื้อเรือสำหรับให้บริการวิศวกรรมใต้น้ำเพิ่มจำนวน3 ลำ (จากปัจจุบัน 5 ลำ) ซึ่งจะส่งมอบในปี2553
ส่วนเรือขุดเจาะนั้นในปัจจุบัน TTA มีอยู่จำนวน 2 ลำ และจากการที่หมดสัญญาการให้บริการไป 1 ลำ และอยู่ระหว่างการต่อสัญญา โดยรวมคาดอัตราการให้บริการ (Utilization Rate) ของธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำจะอยู่ที่ระดับประมาณ 70%(ปี 2552 เท่ากับ 52.6%) และคาด Utilization Rate ของธุรกิจเรือขุดเจาะจะลดลงเหลือประมาณ 80% (ปี 2552 เท่ากับ 94.9%)
สำหรับหากการทำเสนอซื้อหุ้น UMS เสร็จสิ้น โดย TTA จะถือหุ้น UMS ราว 90% ประเมินกำไรสุทธิในอีก 3 ปีข้างหน้าของ UMS จะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 5% จากความต้องการใช้ถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิของ TTA ในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นราว 52.4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีนี้
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป(ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าอัตราค่าระวางเรือแบบเทกองของ TTA ในปี 2553 จะอยู่ที่ 12,000 บาทต่อลำจากปีนี้ที่อยู่ระดับ 11,000 บาทต่อลำ ส่วนPSL อัตราค่าระวางเรือแบบเทกองในปี 2553อยู่ที่ 14,000 บาทต่อลำ ส่วนปีนี้อยู่ในระดับเดียวกัน และอัตราค่าระวางเรือแบบเทกองของ JUTHA ในปี 2553 อยู่ที่ 6,694 บาทต่อลำจากปีนี้ที่อยู่ 6,086 บาทต่อลำ ส่วน RCL อัตราค่าระวางเรือแบบตู้คอนเทนเนอร์ปี 2553 อยู่ที่ 185 บาทต่อตู้จากปีนี้ที่อยู่ 177 บาทต่อตู้
ขณะที่หุ้นแนะนำ Top Pick สุดในกลุ่มเดินเรือคือ TTA คาดว่าปี 2553 จะมีรายได้จำนวน 24,407 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,256 ล้านบาท คาดบริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.67 บาท ราคาเป้าหมาย 34.75 บาทรองลงมาคือ JUTHA คาดรายได้ปี 2553 อยู่ที่ 523 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27 ล้านบาท คาดบริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท
www.thunhoon.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น