14/12/52
‘พลังงาน’หาช่องเยียวยาปิโตรเคมี
พลังงานเรียกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ถกผลกระทบมาบตาพุด หาทางเยียวยาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
นายพรชัย รุจิประภา รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงผลกระทบกรณี คำสั่งศาลปกครองสูงสุดสั่งระงับกิจการ 65 กิจการในวันนี้ รวมถึงอาจพิจารณามาตรการเยียวยาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และโรงแยกก๊าซที่ 6 เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีส่วนสำคัญ ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า
นายสุริยน วันเพ็ญ เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เอกชนเป็นห่วงว่า หากโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ของปตท. ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตตามแผนที่วางไว้จะกระทบต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเฉพาะขั้นปลาย เนื่องจากการนำเข้ามีราคาแพงกว่า
ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะต้องนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จากต่างประเทศ เพิ่มขึ้น สูญเสียเงินตราต่างประเทศอย่างน่าเสียดาย ซึ่งจะกระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนี้
สำหรับจุดยืนของภาคเอกชนยังยืนยันว่าไม่ได้ขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยยินดีทำทุกอย่าง ขอเพียงให้รัฐบาลกำหนดกฎหมายให้เป็นไปตามมาตรา 67 วรรค 2 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 และจะต้องร่างระเบียบออกมาให้ชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ โดยต้องมีความเหมาะสมในเรื่องระยะเวลาชัดเจนหาก ไม่ชัดเจนธุรกิจก็จะไม่สามารถเดินหน้า ได้แล้ว ไทยจะใช้ธุรกิจส่วนใดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายสุริยน กล่าวต่อว่า เมื่อธุรกิจถูกระงับจนก่อให้เกิดความเสียหาย จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องหามาตรการเยียวยาต่อภาคลงทุนไทย โดยเฉพาะหากเกิดความ เสียหายก็จำเป็นจะต้องชดเชยในเรื่อง ค่าเสียหายให้ได้ เพราะการทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับทุกส่วนทั้งระบบสถาบันการเงิน ผู้รับเหมา และลูกค้า
ด้านเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก จ.ระยอง ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ปัญหาพิษภัยในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างจริงจัง โดยตั้งข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ก๊าซรั่วใกล้โรงไฟฟ้าโกลว์ ถนนไอ 5 ในนิคมฯ และเหตุการณ์บริษัท ไออาร์พีซี ปล่อยควันดำและส่งกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดควันดำปกคลุมท้องฟ้า ทั้งสองเหตุการณ์มีเบื้องหลังแอบแฝงหรือไม่
นอกจากนั้น ในแถลงการณ์ได้ทวงถามผลการดำเนินการของผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อชุมชนด้วย
ขณะที่นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการกนอ. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ นำเครื่องมือตรวจวัดก๊าซ ดีเทคเตอร์ เข้าไปตรวจภายในโรงไฟฟ้าโกลว์ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
จากนั้นทีมงานได้เข้าไปตรวจภายในโรงกลั่นน้ำมัน สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (sprc) ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติเช่นกัน ซึ่งในวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของกนอ. และเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ เดินทางมาร่วมพิสูจน์หาต้นตอการปล่อยกลิ่นก๊าซ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งผู้เกี่ยวข้องทำรายงานอย่างละเอียดมาเสนออีกครั้งหนึ่ง เพราะรายงานครั้งแรกไม่ค่อยตรงกันว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไร
posttoday***********
19/11/52
กาตาร์ปิโตรเลียมทุ่ม 9.8 พันล้านดอลลาร์ ลงทุนในจีนและเวียดนาม
Posted on Thursday, November 19, 2009
นายอัล-เจดาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กาต้าร์ปิโตรเลียมอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันประเทศกาต้าร์ บอกว่า บริษัทเตรียมลงทุนก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี 2 แห่งในจีนและเวียดนาม มูลค่ารวม 9,800 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2558 เพื่อรองรับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นอนาคต
กาต้าร์ปิโตรเลียมจะเป็นหุ้นส่วนกับซีนุคของจีนในการสร้างโรงงานปิโตรเคมีในมณฑลไหหนาน ประเทศจีน
มูลค่าโครงการ 5,800 ล้านดอลลาร์ และจะร่วมลงทุนสร้างโรงงานผลิตก๊าซแอลพีจีในเวียดนามมูลค่าการลงทุน 4 พันล้านดอลลาร์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กาต้าร์ปิโตรเลียมอินเตอร์เนชั่นแนล บอกด้วยว่า ประเทศในเอเชียถือว่ามีศักยภาพอย่างสูงในการลงทุน เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่เติบโตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีความต้องการปิโตรเคมีค่อนข้างสูง
money news update************
09/09/52
กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี: "มากกว่าตลาด"
- บล.เอเซีย พลัส
Source - บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (Th) Wednesday, September 09, 2009 09:08 22897 XTHAI XECON XCORP XFINSEC XFINMKT PTTAR V%COMMENT P%ASP
กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี - มากกว่าตลาด IRPC, PTTAR และ TOP ยังโดดเด่นภายใต้การควบรวมเป็นคู่
* ควบรวมกิจการในกลุ่มฯ...จะได้ข้อสรุป ต.ค. 2552
* 2 แนวทางหลักในการควบรวม...จับคู่ หรือจัดตั้งบ.โฮลดิ้งฯ
* IRPC ต้องการพันธมิตร จับคู่ TOP หรือ PTTAR เป็นไปได้มากที่สุด
ควบรวมกิจการในกลุ่มฯ...จะได้ข้อสรุป ต.ค. 2552
แนวคิดเรื่องการควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในกลุ่ม PTT เริ่มมีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการย่างเข้าสู่ช่วงทิศทางขาลงของอุตสาหกรรม โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการให้ธุรกิจในกลุ่ม PTT สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาวด้วยการเพิ่มขนาดของธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมระดับสากล (World scale operation) รวมถึงจะก่อให้เกิดการประหยัดจากขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในระดับภูมิภาคและโลกโดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่ม PTT ได้ดำเนินการการศึกษามาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วคาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางการควบรวมกิจการแน่นอนภายในเดือน ต.ค. 2552
2 แนวทางหลักในการควบรวม...จับคู่ หรือจัดตั้งบ.โฮลดิ้งฯ
แนวทางการควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆ ในกลุ่ม PTT ได้แก่ TOP, PTTAR, IRPC และ PTTCH ที่มีความเป็นไปได้ตามแนวคิดและประโยชน์ทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แนวทาง คือ 1) ควบรวมกิจการเป็นคู่ - อ้างอิงจากวิธี Amalgamation (A+B = C) ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ใช้ในการควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่ม PTT ในช่วงที่ผ่านมา และ 2) จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งฯ – แบ่งการควบรวมเป็น 3 บริษัท หรือทั้ง 4 บริษัท
IRPC ต้องการพันธมิตร จับคู่ TOP หรือ PTTAR เป็นไปได้มากที่สุด
จากผลการศึกษาแนวทางควบรวมกิจการ ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่า IRPC เป็นบริษัทที่จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมสากลมากขึ้น ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าพันธมิตรที่เหมาะสมควรจะต้องมีธุรกิจโรงกลั่นที่แข็งแกร่ง ได้แก่ TOP หรือ PTTAR ซึ่งหากพิจารณาจากราคาหุ้นปัจจุบันพบว่ายังมีส่วนลดจากมูลค่าที่ควรจะเป็นของทั้ง 2 แนวทางการควบรวม คือ TOP + IRPC = Merged Co. และ PTTAR + IRPC =Merged Co. ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อหุ้นทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ IRPC (FV 5.01 บาทต่อหุ้น), PTTAR (ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่ม FV เพื่อสะท้อนมูลค่าที่ควรจะเป็นภายใต้การควบรวมกิจการเป็น 29.96 บาทต่อหุ้น และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ) และ TOP (FV 50.01 บาทต่อหุ้น) เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันยังมีส่วนลดจากมูลค่าพื้นฐาน และมูลค่าที่ควรจะเป็นภายใต้กการควบรวมกิจการ
นักวิเคราะห์: นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 018350 e-mail: nalinrat@asiaplus.co.th
โดย บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประจำวันที่ 9 กันยายน 2552
cgs
**************
09/09/52
กลุ่มปิโตรกรี๊ดเสปรดพุ่ง
ทันหุ้น กลุ่มปิดโตรเคมีดี๊ด๋า เปรดผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ดูดี จากต้นทุนนาฟทาที่ต่ำลง ผู้บริหาร วีรศักดิ์ โฆษิตไพศาลŽคาดปีหน้ารายได้ถึง 1 แสนล้าน รับอานิสงส์ราคาสินค้าแพง บวกกำลังผลิตเพิ่ม โบรกชู PTTCH-IRP เด่น คาดปีหน้ากำไร PTTCH พุ่ง 132.8% ส่วน IRP เฉียด 20%
ราคาหุ้น PTTCH วานนี้ (8 ก.ย.) ปิดตลาดที่ระดับ 79.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 3.27 % มูลค่าซื้อขายรวม 598.06 ล้านบาท ส่วนหุ้น IRP ปิดตลาดที่ 12.10บาท เพิ่มขึ้น 0.10บาท หรือ 0.83% มูลค่าซื้อขายรวม 94.86 ล้านบาท
นายวีรศักดิ์ โฆษิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH กล่าวว่า ในปี 2553 รายได้ของบริษัทจะเติบโตถึง 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นปีนี้ที่คาดว่ามีายได้ 8 หมื่นล้านบาท หลังจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงคาดว่าราคาเม็ดพลาสติกจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 พันดอลลาร์/ตัน
นอกจากนี้กำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า จะมาจากโครงการอีเทนแครกเกอร์ 1 ล้านตัน/ปี ผลักดันให้บริษัทมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มเป็น 2.9 ล้านตัน/ปี และโครงการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น(LLDPE) 4 แสนตัน/ปี และโครงการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (LDPE) 3 แสนตัน/ปี รวมทั้งมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน(HDPE) เป็น 8 แสนตัน/ปี
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สถานการณ์ Spread ของราคาผลิตภัณฑ์หลักๆ ในกลุ่มปิโตรเคมีส่วนใหญ่ทั้งโอเลฟินส์ (เอทิลีน, เม็ดพลาสติก HPDE) และกลุ่ม PVC ยังค่อนข้างทรงตัวระดับสูง ยกเว้น MEG ที่ยังถูกกดดันด้วย Supply ใหม่ๆ ที่เข้ามาจากประเทศซาอุดิอารเบีย
สำหรับ HDPE ยังมีความต้องการใช้ในภูมิภาคที่เติบโตแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากจีนที่ยังเป็นปัจจัยผลักดันราคาผลิตภัณฑ์ให้ทรงตัวได้ในระดับสูง โดยเอทิลีนยังทรงตัวสูงเกิน 1 พันเหรียญฯ/ตัน เช่นเดียวกับ HDPE ที่ยังสูงถึง 1.27 พันเหรียญฯ/ตัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่อง Cost push ตามราคาแนฟทาวัตถุดิบหลักที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก ไปในทิศทางเดียงกับราคาเม็ดพลาสติก PET ที่ยังทรงตัวระดับสูงถึง 1.38 พันเหรียญฯ/ตัน มานานกว่า 9 เดือนแล้ว
ส่วนกลุ่มอะโรเมติกส์ (Px, Bz) นั้น ราคา Px อ่อนตัวลงเพียงเล็กน้อย แต่ยังสูงเกิน 1 พันเหรียญฯ/ตัน ผลจากการที่โรงกลั่นฯ หลายแห่งในภูมิภาคเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตมากขึ้นภายหลังจากที่มีการทำการหยุดการเดินเครื่องใรช่วงก่อนหน้า
อีกทั้งราคา Bz ยังอ่อนตัวเพียงเล็กน้อยในช่วงสั้นโดยยังอยู่ที่ระดับสูงเกิน 800 เหรียญฯ/ตัน โดยยังได้รับปัจจัยบวกสนับสนุนจากความต้องการใช้ที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการในขั้นปลายที่เกี่ยวเนื่อง กับอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนในรถยนต์ในประเทศจีนที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกกับกลุ่มผู้ประกอบการในกลุ่มปิโตรเคมีในไตรมาส 3/2552 และส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในงวดนี้คือ PTTCH ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ HPDE เนื่องจาก Spread ของราคาที่ยังสูงขึ้น ขณะที่ IRP คาดว่า Spread เฉลี่ยยังทรงตัวได้ที่ 220 เหรียญฯ/ตัน
ดังนั้นจึงปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็นมากกว่าตลาด จากเดิมเท่ากับตลาดโดยยังเลือก IRP และ PTTCH เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มปิโตรเคมี ด้วยจุดแข็งของ IRP ในฐานะที่เป็นหุ้นมีการเติบโตที่ดี คาดว่า EPS ปี 2552-2553 เติบโตถึง 55.3% จากปีก่อน และ 19.9% จากปีก่อน ทั้งนี้มี PER ปี 2552 ต่ำเพียง 5.1 เท่า และจะลดลงเหลือเพียง 4.2 เท่า ในปี 2553 และยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4%
ส่วน PTTCH จัดว่าเป็นหุ้นมีการเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นกัน โดยคาด EPS ปี 2553 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถึง 132.8% จากปีก่อน โดยจะมี PER ปี 2553 ต่ำเพียง 8 เท่า และคาดการณ์ผลตอบแทนจากการจ่ายปัรลผ ไม่ต่ำกว่า 4%
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น PTTCH อยู่ในช่วงขาสขึ้น แต่ระยะสั้นราคาใกล้เขตซื้อมากไป จึงแนะนำ รอซื้อเมื่ออ่อนตัวŽ ให้แนวรับ 75 บาท แนวต้าน 83 บาท ส่วน IRP ราคาเริ่มมีสัญญาฟื้นตัว จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไรŽ ให้แนวรับ 12 บาท แนวต้าน 13.20 บาท
www.thunhoon.com
วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น