วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและครัวเรือน 1

25/12/52
จับตาเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนปี 53 ทะลักเข้าไทยหลังเปิดเสรี
โดย : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2553 ขยายตัว แต่ต้องจับตาสินค้านำเข้า หลังเปิดเสรี โดยเฉพาะกับประเทศคู่สัญญาอาเซียน
แนวโน้มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2553 อาจมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นหลังความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่ามูลค่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศ ปี 2553 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกในช่วงร้อยละ 4 ถึงร้อยละ 6.6 (มูลค่า 83,000-85,100 ล้านบาท) หลังจากการหดตัวร้อยละ 1 ในปีก่อนหน้า โดยการเติบโตของตลาดในปี 2553 จะได้รับปัจจัยหนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้ผู้ซื้อที่ชะลอการซื้อออกไปในช่วงก่อนกลับมาใช้จ่าย การปรับตัวดีขึ้นของภาคที่อยู่อาศัย การกระตุ้นจากการทำแคมเปญของผู้ประกอบการ และปัจจัยอื่นๆ เช่น มหกรรมฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นในปี 2010 การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตร และการลดภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มอาจเติบโตได้ดีในปีหน้า ได้แก่ โทรทัศน์จอใหญ่ ชุดโฮมเทียเตอร์ เครื่องปรับอากาศกลุ่มตลาดกลาง-บน ตู้เย็นและเครื่องซักผ้ากลุ่มที่มีดีไซน์ และสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ายังมีปัจจัยซึ่งอาจมีผลต่อตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดเสรีซึ่งจะนำไปสู่การเข้ามาของเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบจากประเทศคู่เจรจา เช่น จีน อาเซียน ทำให้การแข่งขันในประเทศเข้มข้นขึ้น และเพิ่มแรงกดดันด้านราคา โดยเฉพาะในตลาดสินค้าระดับกลาง-ล่าง ซึ่งมีมาร์จินต่ำอยู่แล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างภาษีของไทยยังมีความลักลั่นกันอยู่ ผู้ประกอบการในประเทศกลุ่มที่อาจเสียเปรียบ จึงเป็นกลุ่มที่นำเข้าวัตถุดิบหรือส่วนประกอบจากประเทศอื่นที่ไม่ได้ลดภาษี แต่ในอีกด้าน ผู้ผลิตกลุ่มที่นำเข้าชิ้นส่วนจากอาเซียนและจีนเพื่อนำมาผลิต และกลุ่มที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ จะได้รับประโยชน์จากการขยายตลาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้าอีกประการ คือ ภาวะเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และอำนาจซื้อของผู้บริโภค
krungthepturakij
**********
09/12/52
ปีหน้าแอลซีดีทีวีต่ำกว่าหมื่นบาท
แอลซีดีทีวี ปีหน้าโต 100% ลุ้นขนาด 32 นิ้ว ราคาร่วงเหลือไม่เกิน 1 หมื่นบาท

นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดแอลซีดีทีวีปี 2553 คาดว่าจะเติบโตกว่า 100% ในแง่ของปริมาณ หรืออยู่ 1 ล้านเครื่อง จากปีนี้อยู่ที่ 5 แสนยูนิต และเติบโต 20% ในแง่มูลค่า และทิศทางราคาขายตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้าเป็นต้นไป คาดว่าจะลดลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 1 หมื่นบาท สำหรับแอลซีดีทีวีขนาด 32 นิ้ว เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นจากการซื้อเพื่อทดแทนโทรทัศน์สี หรือซีอาร์ที ทีวี ประกอบกับกระแสฟุตบอลโลกจะเป็นปัจจัยให้ผู้บริโภคต้องการดูการแข่งขันบนทีวีจอขนาดใหญ่มากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ลดราคาจำหน่าย เพื่อให้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดรวมและสามารถให้แข่งขันได้ ส่วนจะเป็นผู้นำตลาดในการลดราคาหรือไม่ คงต้องดูสถานการณ์ตลาดอีกครั้ง โดยปัจจุบันแอลซีดีทีวีซัมซุงขนาด 32 นิ้ว ราคา 1.5 หมื่นบาท และในปีหน้าบริษัทจะขยายช่องทางจำหน่ายไปยังห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ มากขึ้น จากปัจจุบันช่องทางหน่ายหลักห้างค้าปลีก 60% และผ่านดีลเลอร์ 40%

นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทจะรุกตลาดแอลอีดีทีวีอย่างหนัก เพื่อรับกับเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับกำลังซื้อระดับบนที่ยังใช้จ่าย อยู่ และเชื่อว่าตั้งแต่ปลายปี 2552 ต่อเนื่องถึงปี 2553 จะเห็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าหันมาบุกตลาด แอลอีดีทีวีมากขึ้น และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดแอลอีดีทีวีโตขึ้นจาก 1.1 หมื่นยูนิต เป็นมีมูลค่า 1.4-1.5 แสนยูนิต

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2553 เติบโต 30% จากการเติบโตของแอลอีดีทีวีและอานิสงส์จากฟุตบอลโลก ส่วนสิ้นปี 2552 ตั้งเป้าหมายยอดขายรวม 8,000-8,200 ล้านบาท เติบโต 14%
posttoday
************
07/12/52
เครื่องใช้ไฟฟ้ายิ้ม ยอดพุ่งรับบอลโลก
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าคึกรับบอลโลก ผู้ประกอบการแห่ทุ่มงบปั๊มยอดขายกระฉูด 50%

นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้าพาวเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้บริหารร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า “พาวเวอร์ มอลล์” เปิดเผยว่า ช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2552 คาดว่าผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าจะทุ่มงบจำนวนมากจัดกิจกรรมและแคมเปญทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ (ออฟฟิเชียล สปอนเซอร์) ซึ่งคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงถึง 30-50%
ทั้งนี้ หากระบบการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นเทคโนโลยีแสดงผลจอภาพความละเอียดสูงหรือฟูลเอชดี ก็จะยิ่งทำให้การชมการแข่งขันมีความสนุกมากขึ้น และกระตุ้นตลาดให้ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แต่ติดอยู่ที่ระบบถ่ายทอดสดของไทย ส่วนแอลซีดี ทีวี ขนาด 40-60 นิ้ว คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เติบโตขึ้นด้วย

สำหรับในส่วนของพาวเวอร์ มอลล์ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่ม 10% ส่วนภาพรวมของพาวเวอร์ มอลล์ ในช่วง 9 เดือน มียอดขายเติบโตระดับทรงตัว แต่ตลาดเริ่มฟื้นตัวในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา กว่า 10% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแอลซีดี ทีวี และไอที อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีคาดว่าจะมียอดขายราว 7,700 ล้านบาท เติบโต 3% ตามเป้า
posttoday
*********
04/12/52
ผู้ค้าปลีกโทรทัศน์โละสต็อกจับลูกค้าส่งท้ายปี

ในช่วงปลายปีที่ตลาดค้าปลีกในสหรัฐฯควรจะคึกคัก เนื่องจากเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ใกล้เข้ามา ผู้ประกอบการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโทรทัศน์ กลับต้องทำงานหนักเป็นพิเศษในปีนี้ หลังต้องขาดทุนมหาศาล จากพิษวิกฤติการเงินเมื่อปีที่แล้ว

ช่วงใกล้สิ้นปีอย่างนี้ ผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งหลายมักจะถือโอกาสงัดเอากลยุทธ์ออกมาใช้ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ยอมควักกระเป๋าซื้อของขวัญสำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ให้มากเท่าที่จะทำได้ และเรื่องส่วนลดก็มักจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในการนำเสนอ แต่สำหรับสินค้าโทรทัศน์นั้น ข้อเสนอแบบนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ไว้ช่วยแค่เพียงกำจัดสินค้าบางรุ่นออกไปเท่านั้น เพราะสภาพตลาดโดยทั่วไปในปีนี้กลับดูค่อนข้างเงียบ และไม่มีการออกแคมเปญที่น่าตื่นเต้นมาแข่งกันเหมือนกับในปีก่อน ๆ

นักวิเคราะห์บอกว่า ผู้ค้าปลีกทั้งหลายจำเป็นต้องลดจำนวนสินค้าในสต็อกให้เหลือแค่พอดีกับความต้องการของตลาด ที่หดตัวลงตามแรงกดดันของเศรษฐกิจ แม้ทำท่าว่าจะฟื้นตัว แต่ก็ยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ค้าหลายรายที่ลงทุนร่วมงานกับบริษัทผู้ผลิตในการตั้งเป้าผลิตและขายโทรทัศน์แบบจอแบน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ขาดทุนอีก

สำหรับโทรทัศน์รุ่นที่มีอยู่ในสต็อคและต้องการจะกำจัดออกไปนั้น หลายๆ ร้านในสหรัฐฯก็มีการทำข้อเสนอที่น่าสนใจกันออกมากันบ้างแล้ว เช่น โทรทัศน์ LCD จอ 32 นิ้ว ที่ Wal-Mart เสนอขายในราคา 248 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Best Buy ชูโทรทัศน์ LCD พร้อมคุณสมบัติจอ high definition ขนาด 40 นิ้ว ในราคาที่ไม่ถึง 500 ดอลลาร์สหรัญด้วย

หลายคนอาจไม่สังเกตว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ข้อเสนอราคาถูกอย่างนี้ก็คือ นอกจากการที่ผู้บริโภคจะเข้ามาเลือกซื้อของที่มีราคาถูกใจแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่จะถูกชักชวนให้ซื้อสินค้าอื่นๆ ติดไม้ติดมือกันกลับไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ราคาโทรทัศน์ในปีนี้ ถูกกว่าในปีก่อนอยู่มาก เนื่องจากทั้งผู้ผลิตและผู้ค้าตกลงใจปรับโครงสร้างราคาเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค และต้องการรับมือกับปัญหาราคาร่วงลง ที่มักจะเกิดขึ้นในทันทีที่มีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกมาแทนที่

ในปีที่แล้ว ตลาดโทรทัศน์ในสหรัฐฯมีปัญหาสินค้าเหลือค้างอยู่ในสต็อกเป็นจำนวนมาก ตามกระแสการประหยัดเงินในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งท้ายที่สุด ผู้ประกอบการทั้งหลายเลยต้องกัดฟันให้ส่วนลดก้อนใหญ่ในช่วงเทศกาลจับจ่ายช่วงปลายปี และทำให้กำไรหดหายกันไปถ้วนหน้า แต่ในปีนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี และวางแผนกักเก็บสินค้าด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งเรื่องของโปรแกรมส่งเสริมการขายต่างๆ ที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ

การสำรวจโดยเว็บ PriceScan.com ที่เปรียบเทียบเรื่องราคาล่าสุด พบว่า โทรทัศน์ขนาดจอ 20 - 29 นิ้ว ยังทำราคาได้ค่อนข้างดีกว่ารุ่นอื่น จนทำให้ผู้ค้าปลีกบางรายเลือกทำโปรโมชั่นสำหรับโทรทัศน์รุ่นจอเล็กๆ เพื่อหวังช่วยกระตุ้นมาร์จิ้นรวมของร้าน ไม่ให้กระทบกำไรมากนัก

ส่วนโทรทัศน์รุ่นใหญ่ ๆ อย่างเช่น ทีวีพลาสมา 50 นิ้ว ผู้ประกอบการกลับได้ตัดสินใจลดราคาลงมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว และไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักสำหรับช่วงเทศกาลส่งท้ายปีนี้

เมื่อไม่นานมานี้ Credit Suisse ได้มีการสำรวจตลาดโทรทัศน์ในสหรัฐฯ และพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว สินค้าที่ร้าน Best Buy มีราคาถูกลง 13% นับตั้งแต่วัน Black Friday หรือวันที่ชาวอเมริกันออกมาจับจ่ายซื้อของหลังวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งส่วนลดนี้ก็ยังดูน้อยกว่าในปีที่แล้ว ที่สูงถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ห้าง Sears ให้ส่วนลดเฉลี่ยที่ 14% เมื่อเทียบกับ 22% ในปีก่อน

การสำรวจยังพบว่า ผู้ผลิตรายใหญ่ๆ เช่น Samsung Electronics, Sony และ Panasonic ยังบังคับให้ผู้ค้าปลีกใช้นโยบายโฆษณาขั้นต่ำ ซึ่งส่งผลให้ร้านค้าต่างๆ ไม่สามารถทำการโฆษณาได้อย่างอิสระ และให้ส่วนลดได้เหมือนเคยในปีนี้
global money
***************
07/10/52
คาดส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ปีนี้ติดลบ 15%

Posted on Wednesday, October 07, 2009
นายขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า สถานการณ์การส่งออกของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในไตรมาส 3 เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยการส่งออกขยายตัวติดลบเพียง 10% ลดลงจากไตรมาส 2 ที่ติดลบถึง 20% และไตรมาสแรก ที่ติดลบถึง 30%

การส่งออกสินค้าประเภทฮาร์ดดิสไดรฟ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด ส่งผลให้ทั้งปีกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะติดลบประมาณ 14-15% จากปีก่อนคิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 1.4 ล้านล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวกลับมาเป็นบวกได้ 3-5% คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท

นายขัติยา บอกด้วยว่า การส่งออกที่เพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขณะนี้ยังขาดแรงงานกว่า 1 หมื่นคน โดยตลาดอาเซียนและประเทศจีน ที่เป็นลูกค้าหลัก ยังคงมีความต้องการสูง ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ายังไม่มีการเพิ่มอัตราการจ้างงาน เพราะตลาดหลักในกลุ่มสหภาพยุโรปเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก บอกว่า อุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นและเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าการส่งออกสูงถึงปีละกว่า 1.8 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกถึง 30% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และยังคงมีแนวโน้มการเติบโต และมีความต้องการแรงงาน ขณะเดียวกันภาครัฐก็ได้มีการสนับสนุนด้านภาษี จึงมั่นใจว่าการส่งออกกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน

ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออกในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ทางกรมส่งเสริมการส่งออก ได้มีการจัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น 2552 (BANGKOK RHVAC 2009) เพื่อผลักดันให้การส่งออกมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานเดินงาน 20,000-30,000 คน มีเงินสะพัดภายในงาน 800 ล้านบาท
money channel

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและครัวเรือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น